วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

บันทึกการเดินทาง : ตอน โตเกียวไม่เดียวดาย EP2



ทริป "โตเกียวไม่เดียวดาย" EP2
ต่อจากตอนแรกก็เข้ามาถึงวันที่สี่ วันศุกร์ ที่ 22 มิถุนายน 2561

               ในวันนี้ทริปของเราวางแผนที่จะไปเมืองคาวาโกเอะ  โดยเราได้เตรียมซื้อตั๋วรถไฟเดินทางแบบเหมาจากงานท่องเที่ยวไว้ ในราคา 300 บาทต่อคน



การเดินทางไปเมืองคาวาโกเอะ


               เริ่มจากสถานี Otsuka ไปยังสถานี Ikebukuro หลังจากนั้นก็ไปเปลี่ยนตั๋วที่ Seibu Tourist Information Center รถไฟของบริษัท Tobu จะวิ่งตรงจากสถานีอิเคบุคุโระ(Ikebukuro) ที่โตเกียว ไปต่อรถที่ Tokorozawa ไปสิ้นสุดที่สถานี Kawagoe-shi Station ใช้เวลา 30 นาที ทางออก West Exit

Otsuka Station (JR Yamanote Line) Ikebukuro Station
Ikebukuro Station ( Ikebukuro Line) Tokorozawa Station
Tokorozawa Station ( Tobu Line)  Kawagoe-shi Station

             เมืองคาวาโกเอะคือเมืองเก่าในสมัยเอโดะที่ยังคงอนุรักษ์บรรยากาศความโบราณตั้งแต่ในอดีตให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบันจนได้รับฉายาน่ารัก ๆ ว่าเป็น ลิตเติ้ลเอโดะ (Koedo) ที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว อยู่ห่างจากใจกลางเมืองโตเกียวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเพียงแค่ 50 กิโลเมตรเท่านั้น 
             เมืองคาวาโกเอะมีรถไฟ 3 สายหลักๆที่เชื่อมต่อใจกลางเมืองโตเกียวกับเมืองคาวาโกเอะ โดยที่แต่ละสายของรถไฟจะไปสิ้นสุดที่คนละสถานีกัน สถานี Hon-Kawagoe Station ของบริษัท Seibu จะอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวของคาวาโกเอะที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมเมืองคาวาโกเอะแบบสบายๆได้ด้วยการเดินหรือขี่จักรยาน เพราะแหล่งท่องเที่ยวหลักๆในเมืองจะอยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตรถึง 1 กิโลเมตรเท่านั้น หรือจะใช้บริการรถบัสนำเที่ยวที่จะวิ่งเป็น loop รับ-ส่ง ตามสถานีที่ท่องเที่ยวหลักๆในเมืองก็ได้เช่นกัน

             รถบัสสไตล์ Retro ที่เข้ากับบรรยากาศเมืองเก่า เรียกว่า Koedo Loop Bus ที่จะวิ่งรับ-ส่งตามสถานีที่ท่องเที่ยวของเมืองคาวาโกเอะ มีรถออกทุกๆ 30 นาที และวิ่งวนครบ 1 รอบใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ขึ้น 1 เที่ยวราคา 180 เยน ถ้าซื้อแบบตั๋ววัน ราคา 500 เยนขึ้นได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง



วัดคิตาอิน
             วัดคิตาอิน(Kitain) นับว่าเป็นวัดเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองคาวาโกะเอะ ที่เคยเป็นวัดหลักของนิกายเทนไดในภูมิภาคคันโต ในสมัยเอโดะ ท่านโชกุนได้เลื่อมใสศรัทธาเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ ไฮไลท์ของวัดแห่งนี้ก็คือ การที่มีรูปปั้น มีจำนวนมากถึง 540 รูป โดยแต่ละรูปก็จะมีการแสดงสีหน้าท่าทางอารมณ์ที่แต่งต่างกัน จึงทำให้รูปปั้นเหล่านี้เป็นที่สนใจ ประวัติความเป็นมาของวัดแห่งนี้เริ่มมาจากการถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 830 แต่อาคารบางส่วนของวัดได้ถูกทำลายลงภายหลัง จะยังมีคงเหลือไว้เพียงส่วนของปราสาทเอโดะ (Edo Castle)เท่านั้นเอง


                





         หลังจากนั้นก็ขึ้นรถบัสโบราณชมเมือง เรานั่งไปย่านเมืองเก่า เดินหาร้านของกินที่ว่าขึ้นชื่อของที่น่าข้าวหน้าปลาไหล พอเห็นร้านดังคนเข้าคิวเวรี่ ๆ เลยไม่รอค่ะ เดินออกมาเจอร้าน "โคเอโดะ โอฮานะ (Coedo Ohana)" อ่านรีวิว ร้านนี้เขาดังเรื่องไข่มากๆ  วันที่เราไปคิวไม่ยาวเลยได้เข้าไปสั่ง 
      เมนูที่ขายดีที่สุดคือ "ทามาโกะซันโดะ" หรือแซนด์วิชไข่ หน้าตาดูธรรมดา แต่ได้ชิมเป็นติดใจ นุ่มจนไม่รู้ว่านี่ไข่หรือเปล่า
สั่งข้าวหน้าปลาไหลไข่เจียว ประชดร้านดัง หน้าตาดีงาม และข้าวหน้าไข่
อิ่มแล้วก็มีแรงเดินต่อ 





กะเดินหาร้านStarbucks เดินอยู่นานหาไม่เจอ  อากาศค่อนข้างร้อน เดินเหนื่อยมาก หลังจากนั้นก็ขึ้นรถบัสโบราณ ไปยังสถานี ปรากฏว่าผิดสถานี เดินไกลมาก ๆ มาญี่ปุ่นเดินเหนื่อยขาล้ามาก


Hon-Kawagoe Station ( Tobu Line)  Tokorozawa Station
Tokorozawa Station ( Ikebukuro LineIkebukuro Station
Ikebukuro Station (JR Yamanote Line) Okachimachi Station


ขากลับเราจะไปเดินตึกม่วงก่อนเข้าที่พัก  (เหนื่อยก็ยังไปโนะ) ตึกม่วงอยู่แถว Ueno 
ขากลับจาก Hon-Kawagoe มาต่อรถไฟทีสถานี Tokorozawa ต่อสาย Ikebukuro Line มาลงสถานี Okachimachi  ทางออก North Exit 

หลังจากที่ Shopping กลับมาหาอาหารทานและเข้าที่พัก
Okachimachi Station  (JR Yamanote Line) Otsuka Station
North Exit


วันที่ห้า วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2561
               ตามทริปวันนี้เราจะต้องเดินทางไปเมืองคามาคุระ แต่มีบางคนอยากไปเดินตลาดปลาซึกิจิ เราจึงตกลงแยกกันไป แบ่งเป็น 2 กรุ๊ป คือ ไปเมืองคามาคุระ และไปแถวโตเกียว

การเดินทางไปเมืองคามาคุระ



Otsuka Station (JR Yamanote Line)  Ikebukuro StationIkebukuro Station (JR Shonan Shinjuku Line)Kamakura Station

สาย JR yamanote Line จากสถานี Otsuka  ไปลง
Shinjuku Station ต่อสาย JR Shonan Shinjuku Line ไปยังสถานี  fujisawa Station Kita-Kamakura ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อถึงสถานีปลายทาง ต้องไปนั่งรถบัส สาย  Keiku bus ลงป้ายหมายเลข 6

วัดโคโตะกุอินหรือวัดพระใหญ่ไดบุตสึ


พระใหญ่ไดบุตซึ (Kamakura Daibutsu หรือ The Great Buddha) เป็นพระพุทธรูปที่สำคัญที่สุดในเมืองคามาคุระ ตั้งอยู่ในวัดโคโตะกุอิน (Kotokuin Temple) พระพุทธรูปไดบุตซึมีความสูงถึง 13.35 เมตร น้ำหนัก 95 ตัน เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่เป็นอันดับสองในญี่ปุ่น รองจากหลวงพ่อโต แห่งวัดโทไดจิ เมืองนารา จากหลักฐานพบว่าพระใหญ่ไดบุตซึสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1252 ในตอนแรกนั้นพระพุทธรูปอยู่ในห้องโถงของวัด แต่ตัววัดได้รับความเสียหายจากพายุและแผ่นดินไหว อยู่หลายครั้ง จนในที่สุดไม่มีตัวอาคารของวัด พระใหญ่ไดบุตซึจึงได้ตั้งอยู่กลางแจ้ง 
เมื่อได้เห็นองค์จริงรู้สึกทึ่งมากและอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก ค่าเข้าชม 200 เยน


 วัด  Hasedera
จากนั้นเราเดินย้อนหันหน้ามาทางทะเลแล้วเลี้ยวขวา เพื่อไปยังวัด  Hasedera ฮาเซ เดระ Hase dera หรือ Hase kannon เป็นวัดพุทธที่มีความสำคัญในเมือง Kamakura ตั้งอยู่ใกล้กับพระใหญ่ไดบุตซึ สิ่งศักดิ์สิทธิในวัดนี้เป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสีทองที่มี 11 หน้า ในแต่ละหน้าจะเป็นรูปเทพธิดา ตัวรูปปั้นทำจากไม้แกะสลักมีความสูงถึง 9.18 เมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปปั้นแกะสลักที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตัวรูปปั้นนี้จะอยู่ที่ห้องโถง Kannon-do Hall ของวัด เพื่อไปสักการะเจ้าแม่กวนอิม มีรูปปั้นพระน้อย และมีดอกไฮเดรนเยียในหน้าฝนดอกไม้ออกสวยงามจริง ๆ ค่ะ ค่าเข้าชม คนละ 300 เยน


















เดินออกมาทางหน้าวัด เลี้ยวขวาเพื่อไปยังสถานี Hase เพื่อขึ้นรถไฟ สาย Enoden Line เพื่อกลับมาในเมืองคามาคุระ 

















แวะทานอาหารมื้อกลางตอนฝนตก





ศาลเจ้าประจำเมืองคามาคุระ 
             ศาลเจ้าอีโนชิมะ(Enoshima Shrine) ประกอบด้วยศาลเจ้าเล็กๆ 3 แห่ง ที่ตั้งอยู่รอบๆเกาะ โดยศาลหลักมีอาคารทรงแปดเหลี่ยมและเป็นที่ประดิษฐานของเทพผู้คุ้มครองอีโนชิมะ รูปปั้นบูชาเบ็นเท็น(statues of Benten) เข้าชมฟรี



















แผนที่ในเมืองคามาคุระ


หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับมายังสถานี Kamakura Station นั่งมาลงสถานี Yokohama



Kamakura Station (JR Shonan Shinjuku Line)Yokohama Station
Yokohama Station (JR Shonan Shinjuku Line)Sakuragicho Station

เมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) เมืองหลวงของจังหวัดคานากาว่า(Kanagawa) ที่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 3 ล้านคนทำให้เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นรองจากโตเกียว อยู่ห่างจากโตเกียวไปทางใต้เพียงประมาณ 30 นาที


รอเปิดไฟตรงตึกแลนด์มาร์คโยโกฮามา เนื่องจากฝนตกหนักเมื่อเราถึงที่นั่น ประมาณ 1 ทุ่มเราก็เดินทางกลับ







Sakuragicho Station (JR Line)Yokohama Station
Yokohama Station (Shinjuku Line)Shinjuku Station




Yokohama Station มายัง Shinjuku 
วันนี้เราจะไป Shinjuku อีกครั้งก่อนกลับ


ย่าน Shinjuku 
             ชินจุกุ ย่านชุมชนชั้นแนวหน้าของโตเกียวแห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์มากมายไม่ว่าจะเป็น แหล่งช้อปปิ้ง ขึ้นชื่อในโตเกียวแหล่งรวมช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่และร้านขายส่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น, เมืองแห่งอาหาร แหล่งรวมร้านกินดื่มและร้านอาหารหลากหลายช่วงราคา รวมถึง แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ เช่น สวนชินจุกุเกียวเอ็นและศาลาว่าการกรุงโตเกียว
              เรามาเดินหาร้านรองเท้า และดองกี้โฮเต้ แวะร้าน Matsumoto adidas ไม่ได้อะไรมาก เนื่องจากเรามาเย็นเกินไป ร้านเริ่มปิดประมาณ 4 ทุ่ม  ออกจาก Shinjuku 4ทุ่มกว่า ลุ้นกลัวรถไฟฟ้าปิดอีก กลับไม่ถูกละทีนี้


Yamanote Line จาก  Shinjuku ลง Otsuka ห้าทุ่มพอดี
Shinjuku Station (JR Yamanote Line)Otsuka Station
นั่งแทกซี่เข้าที่พัก เหนื่อยมาก ๆ

วันอาทิตย์ ที่ 24 มิถุนายน 2561 (ดีใจจะได้กลับบ้านแล้ว)
            10.00 น. วันนี้เราต้องเตรียมเก็บกระเป๋า ตอนเช้าเราจะเดินตลาดของมือสองใกล้ ๆ ที่พัก



 11 โมง มีรถของที่พักจะนำกระเป๋าไปส่งให้ยังสถานี


เราเดินทางจากสถานี Otsuka ไปยังสถานีโตเกียว ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง
ต่อรถบัสที่สถานีโตเกียว ไปยังสนามบินนาริตะ เราใช้เวลาเดินทางจาก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ 
เราถึงนาริตะ ประมาณบ่าย 2 ถึงสนามบิน





14.30 น. นำกระเป๋าไปฝากในตู้ Locker 

ตู้ล๊อคเกอร์ มี 3 ขนาด เล็ก 300 เยน กลาง 400 เยน และใหญ่ 500  เยน สามารถใช้บัตร ซุยกะได้หรือใช้เงินสดก็ได้ มีเครื่องกดอัตโนมัติง่าย ๆ 




หลังจากนั้นก็นั่ง shuttle bus ไปยัง Terminal 1 สามารถเดินไปรอที่ป้ายหมายเลข 6 ของอาคาร เพื่อไป Shopping และทานอาหารเพื่อรอเวลาขึ้นเครื่อง
ที่นี่มีร้าน ABC Shop และร้านของฝาก อีกมากมาย
และนั่งรถกลับมายัง Terminal 2 






18.00 น. ได้เวลาโหลดกระเป๋า และรอเข้า Gate
ขึ้นเครื่องกลับบ้าน
20.40 น. เวลาเครื่องออกจากสนามบิน ถึงดอนเมืองเวลาประมาณตีหนึ่งกว่า ๆ

***บันทึกตอนจบ***
             ญี่ปุ่นเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ที่มีผู้คนอยากจะไปเยือน และยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ มีความน่ารักของผู้คน การมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้มา แต่เมื่อได้มาก็ได้ประสบการณ์ที่ดี ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ ได้เห็นวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นที่มีหลายแบบ  ชีวิตคนเมืองและชีวิตในต่างจังหวัด อาหารที่แตกต่างจากบ้านเรา ภาษาที่ไม่ได้เลย คนสูงอายุที่นี่จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดก็น่าจะเป็น การได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น  ถ้ามีโอกาสก็คงได้ไปเยือนอีกแน่นอน  

ซา-โย-นา-ระ-เจแปน

 หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์บ้าง สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่น
@@@@@@@@@@@@@@@@
ขอบคุณสำหรับการติดตาม ไว้พบการทริปต่อไปค่ะ 

                               

ไม่มีความคิดเห็น: