วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

บันทึกการเดินทาง : ตอน พาพ่อนั่งเครื่องเที่ยวเมืองเมียนมา

ทริปพิเศษชื่อว่า "พาพ่อนั่งเครื่องเที่ยวเมืองเมียนมา"


       
          หลังจากที่มีโอกาสได้ไปพม่ามาครั้งหนึ่งแล้ว ความรู้สึกเอาจริง ๆ ก็รู้สึกดีนะ ทำให้อยากรู้ประวัติศาสตร์พม่ามากขึ้น โดยการหาหนังสืออ่าน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องราวต่าง ๆ อย่างเรื่อง พม่าเสียเมือง ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ เรื่องราวเกี่ยวกับผ้าลุนตยาที่เป็นลายเฉพาะของพม่า และประวัติศาสตร์ของผู้ปกครองในหลาย ๆ อาณาจักรของพม่า รวมไปถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับการศึกสงครามระหว่างไทยกับพม่า และการเสียดินแดนของพม่าที่พ่ายแพ้ให้แก่อังกฤษและฝรั่งเศส ความรู้สึกที่มีมากขึ้นคือการได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วสงครามที่น่ากลัวที่สุดคือสงครามที่คนในประเทศเดียวกันแบ่งเป็นฝ่าย หัวเมืองต่าง ๆ เมื่อแตกแยกกัน ก็้ต้องรบกันเอง ทำให้ศัตรูสามารถเข้ามาได้ง่ายและมีโอกาสพ่ายแพ้นั้น นั่นก็เป็นเพียงประวัติศาสตร์ที่ทำให้เราได้เรียนรู้  #ชอบประวัติศาสตร์เพราะประวัติศาสตร์สอนให้เรียนรู้การอยู่ในโลกปัจจุบัน 

             ทริปนี้ เป็นอีกทริปพิเศษ คือ การได้มีโอกาสพาพ่อไปแสวงบุญที่ประเทศเมียนมา  เราตั้งชื่อทริปว่า "พาพ่อนั่งเครื่องเที่ยวเมืองเมียนมาแต่เราก็ยังรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ ทั้งๆ ที่ก็พึ่งไปเมียนมา เมื่อสองปีที่แล้ว..ตื่นเต้นมาก ๆ อาจเพราะ ได้พาพ่อไปต่างประเทศครั้งแรก พ่อได้นั่งเครื่องบิน อีกอย่างคือต้องจัดการเองทุกเรื่อง ตั้งแต่ ติดต่อรถ จองที่พัก ร้านอาหาร แหล่งช็อปปิ้ง เลือกสถานที่จะไปแสวงบุญ
             ทริปนี้ก็เช่นเคย เราจองโปรหางแดง ไปกลับสอยมาในราคา 2000 กว่า ๆ จองล่วงหน้ากันยาว ๆ ไปเลย 14 เดือน เก็บเงินวันละ 20 บาท ยังเหลือเลย สำหรับทริปนี้..เรามีสมาชิก 9 คน ชาย 4 หญิง 5 ทีแรกตั้งใจจะเที่ยวแค่แถวพะโค และย่างกุ้ง แต่คิดว่าไหน ๆ ก็เหมารถแล้วเราไปอินทร์แขวนอีกสักรอบก็ดีนะ ถ้าแถวย่างกุ้งเวลาไม่พอ แล้วค่อยมาวันไหนก็ได้ ย่างกุ้งใกล้ๆ  ก็คงคล้าย ๆ ทริปเดิม จองรถเจ้าเดิม ไปอินทร์แขวน ก็นอนที่เชิงเขา เพราะเวลาไม่ทัน และอีกคืนกลับมานอนที่ย่างกุ้ง เราเลือกที่พักผ่าน  App B  ที่ Hotel Lavender ซึ่งอยู่ใกล้เจดีย์ชเวดากองเพียง 500 เมตร ยังไม่เคยพักกับที่นี่ ต้องลุ้น หลังจากที่ทริปใกล้เข้ามา ก่อนวันเดินทางประมาณ 15 วัน ได้รับเมล์จากสายการบินยกเลิกเที่ยวบินที่เราจะเดินทางทั้งขาไปและกลับ  ทำให้เราต้องมาจัดการเปลี่ยนที่พักและปรับโปรแกรมการเดินทางใหม่ทั้งหมด โดยปรับที่จะนอนย่างกุ้งคืนแรก และเปลี่ยนรร.มาจองผ่าน App A พักที่ Clover City Center Plus Hotel และขึ้นอินทร์แขวนวันที่สองของทริป ปรับครั้งแรกได้เที่ยวน้อยลง ก่อนเดินทางประมาณ สายการบินโทรมาอีกรอบให้เปลี่ยนไปไฟท์ได้ ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนแบบกระทันหัน ปรับโปรแกรมอีกรอบ ได้เที่ยวสิเรียมอีกเมือง คุ้มเลย ไปแบบลุ้น ๆ กันตลอด

Image result for เมียนมา
มารู้จักสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
ที่ตั้ง
ทิศเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือติดกับจีน 2,185 กิโลเมตร
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับลาว 235 กิโลเมตร และไทย 2,401 กิโลเมตร
ทิศตะวันตกติดกับอินเดีย 1,463 กิโลเมตร และบังกลาเทศ 193 กิโลเมตร
ทิศใต้ติดกับทะเลอันดามันและอ่าวเบงกอล

พื้นที่
657,740 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง  เนปยีดอ
ประชากร  52.89 ล้านคน
ภาษาราชการ  เมียนมา           

สกุลเงิน  จั๊ต ช่วงเราเดินทาง เรทอยู่ที่ 1 usd = 33.28 บาท ประมาณ 1500 จ๊าด

วันเดินทางวันแรก (วันที่2 พ.ย. 61) 
03.45 น. :  ออกจากบ้านเพื่อจะนำรถยนต์ไปฝากที่จอดรถแถวดอนเมือง โดยการทำการจองผ่าน (App ที่จอดรถ) โดยระบุรายละเอียดวันเข้าจอดและวันนำรถออก ค่าจอดรถวันละ 160 บาท จองแล้วโอนเงินและนำรถเข้าไปจอดวันเดินทางได้เลยหลังจากนั้น จะมีรถ Shuttle Bus ไปส่งที่สนามบิน ใช้เวลาประมาณ 7-10 นาทีโดยประมาณ
05.00 น.  :  นัดเจอกันสนามบินดอนเมือง 
08.25 น.  :   ถึงสนามบินกรุงย่างกุ้ง รับกระเป๋าและนำเงินดอลล่าห์ไปแลกเป็นเงินจ๊าด เขาว่ากันว่า CB Bank เรทดีกว่าใคร แลกไปเลย ล้านกว่า ๆ รถตู้มารับตามนัดหมายและพร้อมออกเดินทางทริปวันแรก 


พระเขี้ยวแก้ว

1) ไหว้พระเขี้ยวแก้ว
                 พระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic) ที่ประเทศพม่าได้มาจากศรีลังกา เวลานั้นกษัตริย์โคลัมโบ คือ พระเจ้าธรรมปาละ ได้มอบพระเขี้ยวแก้วพร้อมพระธิดาให้แก่ กษัตริย์พม่า ชื่อ บุเรงนอง ประดิษฐานในวังเมืองหงสาวดี กษัตริย์บุเรงนองให้ทูตไปขอเจ้าหญิงลังกามาเป็นมเหสี พวกทูตมาขึ้นที่เมืองกุลุมพุนคเรเวลานั้นพระเจ้าธรรมปาละ ได้มอบพระทันตธาตุหุ้มด้วยทองคำบรรจุในพระเจดีย์ประดับพลอย  สร้างพระวิหารประดิษฐานพระทันตธาตุบูชาไว้ในพระราชฐาน ปัจจุบันชาวพม่าไปสัก การะไม่ขาดสาย 

2) เจดีย์กาบาเอ
    


พระเจดีย์กาบาเอ (Kaba Aye pagoda) เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า เป็นเจดีย์ทรงกลม ซึ่งมีทางเข้าทั้งหมดห้าด้านด้วยกัน นายอูนุนายกคนแรกของพม่า ได้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ชำระพระไตรปิฎก
ด้านในมีพระมหามัยมุนีจำลอง ประดิษฐานอยู่ และที่นี่จะมีพิธีรับพระธาตุ
          หลังจากนั้นเดินทางไปยังเมืองสิเรียม (Syriem) 
สิเรียมเป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ตรงจุดบรรจบของแม่น้ำหงสาและแม่น้ำย่างกุ้ง ซึ่งในอดีตเมืองนี้เป็นเมืองท่าสำคัญในการเดินเรือของชาวโปรตุเกส ปัจจุบันเมืองสิเรียมเป็นเมืองอุตสาหกรรม ชาวเมืองส่วนใหญ่ทำงานในโรงกลั่นน้ำมันหรือไม่ก็เป็นลูกจ้างในโรงเบียร์ ประชากรส่วนมากเป็นชาวพม่าเชื้อชายอินเดีย เพราะในสมัยที่พม่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ สิเรียมเป็นศูนย์กลางของเมืองท่าและยังเป็นแหล่งผลิตอาหารส่งสู่กรุงย่างกุ้ง และอังกฤษต้องเกณฑ์แรงงานอินดียมาทำนา แล้วพากันมาปักหลักทำมาหากินกันจนถึงปัจจุบัน การเดินทางจากย่างกุ้งไปเมืองสิเรียมใช้เวลา ประมาณ 1-2 ชั่วโมง 
 

แวะทานอาหาร มื้อแรกที่เมียนมาเราแวะทานที่เมืองสิเรียม ที่จริงสั่งเยอะกว่านี้นะคะ  แต่ถ่ายรูปไม่ทันคือหิวจะกินก่อน555 หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังเจดีย์กลางน้ำ







เจดีย์กลางน้ำ เยเลพญา

พระเจดีย์เยเลพญา หรือ เจดีย์กลางน้ำ ตามตำนานเล่าว่า เจดีย์แห่งนี้สร้างในสมัยมอญเรืองอำนาจ เมื่อราวพันกว่าปีก่อน  เจดีย์แห่งนี้สร้างบนเกาะมีสภาพเป็นเพียงเกาะเล็กๆกลางแม่น้ำกว้างใหญ่เท่านั้น ว่ากันว่าหากมีงานพิธีจัดขึ้นที่นี่ สามารถจุคนได้ถึง 2 หมื่นคน เป็นพระเจดีย์กลางน้ำ มีเรือรองรับนักท่องเที่ยว ระหว่างประตูขึ้นไปจะพบยักษ์สีเขียว 2 ตน ที่ประตูทางเข้า นั่งขนาบอยู่ซ้าย-ขวา คนพม่าเชื่อกันว่าหากนำมือไปลูบตามตัวยักษ์เช่น ลูบหลังแล้วจึงมาลูบหลังของตัวเอง อาการปวดหลังก็จะหายไป หากปวดที่จุดอื่นก็ให้ลูบตัวยักษ์ที่จุดนั้นแล้วมาลูบร่างกาย ตัวเองจะทำให้ความเจ็บปวดหายไปได้ ประตูทางเข้า ไม้ฉลุทาสีทองสวยมาก นมัสการพระพุทธรูปเก่าแก่ทรงเครื่องจักรพรรดิประดิษฐานบนบัลลังก์ไม้แกะสลักปิดทองคำทองเปลวที่มีความงดงามอธิษฐานและร่วมทำบุญบูรณะพระเจดีย์ นมัสการพระพุทธรูปแกะสลักศักดิ์สิทธิ์บริเวณพระเจดีย์ องค์พระประธานในวัด

เทพทันใจ เมืองสิเรียม(1)
ในส่วน สำคัญที่สุด ของพระเจดีย์เยเลพญาจะอยู่ที่มุขที่ยื่นไปในน้ำด้านหลังพระเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานของพระอุปคุต ชาวพม่าเชื่อกันว่าพระอุปคุตจะบันดาลให้มีกินมีใช้ไม่ขาด และมีโชคลาภ อธิษฐานขอพรท่านเรียบร้อยแล้วก็ให้ยกก้อนหินที่วางอยู่ด้านหน้าท่าน 2 ครั้ง หากท่านรับคำอธิษฐานของเรา ผู้ยกหินเองจะรู้สึกได้ว่าการยกก้อนหินทั้ง 2 ครั้ง จะมีน้ำหนักไม่เท่ากัน แต่หากไม่พบความแตกต่างก็ถือว่าจะไม่ได้ตามคำขอ เดินไปขอพรเทพ ทันใจ ถวายสักการะด้วยกล้วยและมะพร้าว พบครอบครัวชาวพม่าที่มาไหว้พระและล้อมวงนั่งกินข้าวกันดูน่ารักอบอุ่นดี

โบตาทาวน์  เทพทันใจ-เทพกระซิบ
เทพทันใจ โบตาทาวน์ (2)
เจดีย์โบตาทาวน์ กำลังอยู่ในช่่วงบูรณะ ด้านในจะเข้าไปแค่ดูพระธาตุเท่านั้น เดินทะลุออกด้านหลังไม่ได้ ต้องเดินย้อนกลับมาออกด้านข้าง เพื่อเดินไปยังเทพทันใจ  การไหว้เทพทันใจ เราบูชาด้วย กล้วยน้ำว้าและดอกไม้ในราคาชุดละ 4500 จ๊าด รวมผ้า มีคนมาทำพิธีบูชาให้ 

       หลังจากนั้นก็มาแวะshopping ตลาดสก๊อต หาซื้อของฝาก เช่น ผ้าถุง ชา ขนมถั่วตัด ภาพวาด เสื้อผ้า กางเกง โสร่ง และของฝากอื่น ๆ อีกมากมาย ที่นี่สามารถใช้เงินบาทจ่ายได้เลย
และสุดท้ายของวันนี้คือ ไหว้เจดีย์ชเวดากอง และสรงน้ำพระประจำวันเกิด และไปไหว้เทพทันใจ 

เทพทันใจ เจดีย์ชเวดากอง(3)
พระมหาเจดีย์ชเวดากองถูกสร้างขึ้นเมื่อกว่า 2500 ปีก่อนจึงทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างทางพุทธศาสนาที่มีอายุมากที่สุดของพม่าและของโลก พระมหาเจดีย์ชเวดากองมีความสูง 99 เมตรและรอบๆพระมหาเจดีย์ยังมีเจดีย์ใหญ่น้อยอีกกว่า 1000 แห่งโดยเจดีย์ส่วนใหญ่มีสีทองอร่าม สำหรับองค์ชเวดากองถูกปิดด้วยทองคำเปลวกว่า 2 หมื่นแผ่นและประดับประดาด้วยเพชรและอัญมณีนานาชนิด ระฆังมีสีทองและสีเงิน บนยอดเจดีย์หุ้มด้วยทองคำแท้ประดับเพชร มีน้ำหนักประมาณ 15 กรัม ในบริเวณลานใกล้เจดีย์มีจุด 7 แห่งที่ถูกทำเครื่องหมายไว้เป็นอักษรภาษาอังกฤษซึ่งหมายถึงสีต่างๆ เช่นตัวอักษร Y หมายถึงสีเหลือง W หมายถึงสีขาวและ G หมายถึงสีเขียว ในตอนค่ำ ถ้าหากยืนตรงจุดนี้ นักท่องเที่ยวจะเห็นเพชรพลอยที่ประดับบนยอดเจดีย์กระทบแสงไฟเป็นสีตามจุดที่ระบุ

ที่พักคืนแรก เราพักกันที่ โรงแรมคโลเวอร์ซิตี้พลัส (Clover City Center Plus Hotel) เป็นโรงแรมที่อยู่ในย่าน Down Town หรือใจกลางเมือง ใกล้แหล่งท่องเที่ยวและตลาดสก๊อต เดินไปเจดีย์สุเหล่ได้สบาย 
วันที่สอง(วันที่ 3 พ.ย. 61)
เช้าเรารีบตื่นแต่เช้าและเตรียมเก็บสัมภาระไว้ให้เรียบร้อย และเดินไปสักการะเจดีย์สุเหล่ ใช้เวลาประมาณ 7 นาที  ที่นี่มีเทพทันใจที่ศักดิ์สิทธิ์ต้องไม่พลาด 
พระเจดีย์สุเล (SULE PAGODA) ชาวพม่าถือว่าเป็นพระเจดีย์ทองที่สวยที่สุด  สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีพระนิพนธ์ว่า ชาวพม่าเรียกสุเลเจดีย์ว่า ชเวสุเล” (Shwe Sule) หมายถึง จุลเจดีย์ทองคำ เพราะคำว่า สุเลเพี้ยนมาจาก จุละคือเป็นเจดีย์ทององค์เล็ก ประดิษฐานเคียงข้าง เชเวดากองซึ่งเป็น มหาเจดีย์หรือเจดีย์ทององค์ใหญ่ สุเลเจดีย์เป็นพุทธศิลป์แบบพระสถูปแปดเหลี่ยม ที่มีทรวดทรงงดงาม ชาวพม่าถือ สุเลเจดีย์เป็น หัวใจของเมืองหลวงย่างกุ้ง ส่วนเจดีย์ชเวดากองเป็น หัวใจของชนชาติพม่าทั้งมวล สุเลเป็นชื่อของ นัตหรือภูติผีวิญญาณ 1ใน 37 ตนที่ชาวพม่านับถือคู่เคียงกับพุทธศาสนา เนื่องจากเป็น นัตที่ช่วยปกป้องคุ้มครองแผ่นดินพม่าไว้ ตามตำนานแล้ว สุเลเป็นยักษ์ตนหนึ่งที่สักการะบูชาและเชื่อฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า และนำทางนายวานิชสองพี่น้องให้นำพระเกศาพระพุทธเจ้ามาบรรจุในเจดีย์ชเวดากอง ชาวพม่าจึงสร้างสุเลเจดีย์ขึ้นเป็นอนุสรณ์สถานแด่คุณความดีของยักษ์สุเล ซึ่งถือเป็นนัตตนหนึ่งในจิตวิญญาณของชนชาติพม่า
เทพทันใจ เจดีย์สุเหล่(4)

หลังจากนั้นก็เดินกลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมและเช็คเอาท์เพื่อเดินทางไปยังเมืองบาโค



อยากไปถ่ายรูปหน้าบ้านนายพลอองซานอีกครั้ง 555 










เดินทางไปยังเมืองบาโค จากย่างกุ้งไปเมืองบาโค ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
พระนอนชเวตาเลียว
           หลังจากนั้นก็แวะนมัสการพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียวเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์อันดับสองของเมืองหงสาวดี รองจากพระมหาธาตุมุเตาและเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่มีความยาว 181 ฟุต สูง 52 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าเมงกะติปะ พ.ศ.1537 ในสมัยมอญเรืองอำนาจ มีพุทธลักษณะงดงาม โดยจะวางพระบาทเหลื่อมพระบาท ต่างจากพระพุทธไสยาสน์ของไทยที่นิยมวางพระบาทเสมอกันเล่าขานว่าเป็นพระรูปสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน
          ด้านหลังองค์พระมีภาพวาดเล่าขานตำนานว่า มีพระราชาองค์หนึ่งไม่ศรัทธาพุทธศาสนา ทรงลุ่มหลงบูชายักษ์ตนหนึ่งขนาดปั้นรูปไว้กราบไหว้ วันหนึ่งขณะที่พระราชาเสด็จประพาสป่าพร้อมพระโอรส และพระโอรสไปพบสาวบ้านกำลังอาบน้ำอยู่ในลำธารก็เกิดความหลงรัก ถึงกับพากลับเข้าวัง แต่สาวเจ้าอันเชิญพระพุทธรูปไปบูชาในวังด้วย ทำให้พระราชากริ้วมาก ถึงขั้นสั่งให้ทหารจับพระโอรสและคนรักมัดรวมกันเพื่อจะประหาร แต่ชาวบ้านได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าพระพุทธเจ้ามีจริงก็ขอให้นางแคล้วคลาด ปรากฏว่าเชือกขาดโดยพลัน ขณะที่รูปปั้นยักษ์แตกกระจาย พระราชาถึงกับทรงหันกลับมานับถือพุทธศาสนา และขอไถ่บาปด้วยการสร้างพระพุทธไสยาสน์เป็นเครื่องเตือนสติ

แวะเดินตลาด ห้ามพลาด ตลาดนี้ของถูกกว่าที่อื่น ๆ ในพม่า คนไทยนิยมไปซื้อคือ ผ้าถุง โสร่ง ไม้ หยก และเตรียมซื้อระฆังไว้ไปแขวนที่พระธาตุอินทร์แขวน ที่นี่เราใช้เวลาค่อนข้างนานมาก 
แวะทานอาหารกลางวัน ที่ร้านเจ้าสัว เป็นร้านอาหารสไตล์อาหารจีน ดูจากรีวิวมาก มีคนไทยมากินเยอะ อาหารอร่อยถูกปาก และราคาถูกใจ ถือว่่าคุ้ม 

วัดไจก์กะเลาะ
พระราชวังบุเรงนอง


เดินทางไปยังเมืองไจก์ทิโย่ว จากเมืองบาโคใช้เวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง 
เมื่อถึงคินปูนแค้มป์ เราต้องแบ่งสัมภาระเพื่อนำขึ้นเขา ทั้งนี้เราได้เตรียมตัวมาเรียบร้อยแล้วก็สามารถขึ้นรถได้เลย การขึ้นเขาต้องนั่งรถที่เรียกว่ารถขนหมู เสียค่ารถคนละ 2000 จ๊าด นั่งได้แถวละ 6 คน ใช้เวลาขึ้นไปประมาณ 50 นาที
เมื่อไปถึงเราจะแวะไปไหว้พระธาตุรอบแรก  และไปเช็คอินโรงแรม คราวนี้เราจองที่พักติดองค์พระธาตุ ในราคาที่ค่อนข้างแพง เพื่อแลกกับความสะดวกสบาย ถือว่าดีมาก โรงแรมเราจองผ่านเอเยนต์ไทย ในราคาห้องละ 120 usd เปรียบเทียบแล้วก็ยังถูกกว่าบางเจ้า เราพักห้องที่สูงที่สุด วิวสวยม๊ากกก ที่นี่ คือ yoe yoe lay 3

ไหว้พระธาตุอินทร์แขวนรอบที่สองหลังจากทานอาหารเย็นที่โรงแรม ไหว้ เทพทันใจ (5) ซึ่งลืมถ่ายรูปมา หลังจากไหว้เสร็จแล้ว ก็ไปเดินตลาดด้านข้าง คนเยอะมาก มีของขายเยอะมาก และกลับเข้าที่พัก 
วันที่สาม (วันที่ 4 พ.ย. 61) 
ไหว้พระธาตุอินทร์แขวนรอบที่สาม เช้านี้เราจะถวายข้าวพระ และใส่บาตรพระสงฆ์ เมื่อครบแล้วเราก็เตรียมไปอาบน้ำ เก็บสัมภาระเพื่อลงจากเขา
        โดยทริปนี้เรามีบอดี้การ์ดตัวน้อยถึง 4 คน มาดูแลคนในทริปเรา 9 คน ยิ่งว่าคนดังซะอีก 

เดินทางลงขากลับ จ่ายอีกคนละ 2000 จ๊าด และลงมาถึงคินปูนแค้มป์ ก่อน 9 โมงเช้า











แวะไหว้พระวัดไจ้ก์ปอลอ พระไฝเลื่อน 
วัดพระไฝเลื่อน ไจ้ท์ปอลอ (kyaikpawlaw)
พระไฝเลื่อน ไจ้ท์ปอลอ (kyaikpawlaw) เป็นพระพุทธรูปที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี โดยมีเรื่องเล่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปที่ลอยน้ำมาติดอยู่ใกล้ๆวัด จากนั้นชาวพม่าได้เอาพระพุทธรูปมาประดิษฐานไว้ที่วัดแล้วปิดทององค์พระทั้งองค์ ต่อมาในตำแหน่งที่หางคิ้วได้มีจุดๆเหมือนไฝเกิดขึ้น จะปิดทองกี่ครั้งก็ยังเกิดเป็นจุดดำๆอยู่ตลอด ทางวัดจึงไม่ได้ปิดทองตรงที่ตำแหน่งไฝอีกเลย จึงเรียกพระองค์นี้กันว่า พระไฝเลื่อน








ด้านหลังมีเจดีย์พุทธคยาจำลองสวยงามมาก ๆ ด้านหน้ามีตลาดของชาวบ้าน เป็นผลไม้ และขนม
หลังจากนั้นเราก็เดินทางมายังเมืองบาโค เพื่อสักการะเจดีย์ชเวมอดอร์

เจดีย์ชเวมอดอ มีชื่อเรียกในภาษามอญและคนไทยคุ้นเคยกับชื่อนี้คือ พระธาตุมุเตา แปลว่า "จมูกร้อน" ทั้งนี้เพราะกล่าวกันว่าพระเจดีย์องค์นี้สูงมาก ต้องแหงนหน้ามองจนต้องกับแสงแดด ปัจจุบันเจดีย์ชเวมอดอมีความสูงที่ 114 เมตร เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศพม่า
มีการสันณิฐานว่าเจดีย์ชเวมอดอ ถูกสร้างขึ้นราวประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 10 ตั้งแต่สมัยอาณาจักรมอญเรืองอำนาจ เดิมเจดีย์ชเวมอดอมีความสูง 21 เมตร (69 ฟุต) สร้างโดยชาวมอญ ตามตำนานเล่าว่าพ่อค้าชาวมอญสองคนชื่อ มหาศาล และ จุลศาล ได้เดินทางไปอินเดียสมัยพุทธกาลและได้รับพระเกศาธาตุจากพุทธองค์ นำกลับมาประดิษฐาน ณ เจดีย์ชเวมอดอ ภายหลังได้มีการบรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ในพระเจดีย์เมื่อปี ค.ศ. 982 และ ปี ค.ศ. 1385 ในสมัยพระเจ้าราชาธิราช ต่อมาในสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์ ได้โปรดให้มีการสร้างพระวิหารและหล่อระฆังถวาย

ในสมัยพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ใช้เป็นที่ทำพระราชพิธีเจาะพระกรรณเมื่อครั้งพระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ ที่ตองอู ภายใต้วงล้อมของทหารมอญหลายหมื่นนายที่เป็นศัตรู แต่ก็ไม่อาจทำอะไรพระองค์ได้ ภายหลังพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้สามารถยึดพะโคเป็นราชธานีแห่งใหม่ได้สำเร็จ ในรัชกาลต่อมา คือ พระเจ้าบุเรงนองได้มีการสร้างฉัตรถวายเพิ่มเติมอีกหลายชั้น จนพระเจดีย์สูงขึ้นอีกหลายเท่า และได้มีการถวายพระมงกุฏเป็นพุทธบูชา อีกทั้งกล่าวกันว่าก่อนที่พระองค์จะออกทำศึกคราใด จะทรงมานมัสการพระเจดีย์นี้ก่อนทุกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันจุดที่เชื่อว่าพระองค์ทำการสักการะก็ยังปรากฏอยู่ และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเมื่อครั้งยกทัพมาตีพะโคก็ได้เสด็จมานมัสการ ในสมัยพระเจ้าปดุงได้มีการถวายฉัตรยอดพระเจดีย์องค์ใหม่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพระเจดีย์ได้รับความเสียหายเนื่องจากแผ่นดินไหวหลายครั้ง รวมทั้งในปี ค.ศ. 1917 และ ปี ค.ศ. 1930 แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1917 ทำให้ยอดพระเจดีย์พังลงมา หลังการบูรณะได้มีการเก็บส่วนยอดพระเจดีย์ที่พังลงมาไว้ในจุดเดิม
ทานอาหารกลางวันที่ย่างกุ้งก่อนกลับ ที่ร้าน Minn Lan เป็นอาหารซีฟู๊ดที่คนงานในร้านเป็นคนมาจากรัฐยะไข่ และนำของสดมาจากทะเลยะไข่ เราสั่งกุ้งมังกรเลยคร่า เงินจ๊าดเรายังเหลือเยอะต้องใช้ให้หมด555 มื้อนี้เบา ๆ แค่ 169,800 จ๊าด เอง 
เดินทางมาถึงสนามบิน 15.30 น. ทำเวลาดีมาก เวลาบรอดดิ้ง 16.40 ยัง shop ได้อีก
17.20  เครื่องบินออกจากสนามบินย่างกุ้ง
19.30 ถึงสนามบินดอนเมืองใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง 
บทสรุปส่งท้าย
                นี่เป็นทริปที่พิเศษที่สุด คือได้มีโอกาสพาพ่อไปแสวงบุญที่ประเทศเมียนมา ทุกคนมีความสุข เป็นทริปที่ราบรื่นไม่มีอุปสรรคใด ๆ ทุกคนตั้งใจไปทำบุญ ขอขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางทุกท่านที่ทำให้ทริปนี้เป็นทริปที่มีความสุข ได้รับความอิ่มเอมใจกันไปถ้วนหน้า
และหวังว่าเราคงจะได้ไปกันอีกนะ5555  
หมายเหตุ
- ค่าเข้าวัดหลายที่ขึ้นราคามาเยอะนะ  
- แต่ค่ารถขึ้นอินทร์แขวนถูกลงจ้า
- ไม่มีค่ากล่้องถ่ายรูปแล้วนะ 
- นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนไทยจริงๆ จ้า
- ไม่มีฝน อากาศเย็นสบายสุด ๆ
- รถขึ้นอินทร์แขวนมีหลังคาแล้วนะ
- ถึงที่พักจะแพง แต่เราโอเค คราวหน้าเอาแบบนี้อีกนะ
- ไปคราวนี้เราเตรียมซื้อแพคเกจอินเทอร์เนตไปราคาเบาๆ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม 
ทความที่ผ่านมา








ที่มา
http://www.meetawee.com/home/travel-info/asia-info/myanmar-info/2069-buddha-tooth-relic-myanmar.html



ไม่มีความคิดเห็น: